เสียงสมาทานทิพย์ เช็คกรรมโดยญาณสัมผัส

เสียงสมาทานทิพย์ ได้รับสื่อบอกกล่าวจากเบื้องบนกับบุคลที่มีปัญหาชีวิตในเรื่องของ กรรม เพราะโลกใบนี้ย่อมเป็นไปตาม “กฎแห่งกรรม” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

  • กรรม เชื่อว่าทุกคนต้องได้รับอย่างแน่นอน ซึ่งมีทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว
  • กรรม เชื่อว่าทุกคนต้องเคยกระทำมาแล้ว โดยสามารถทำได้ 3 ทางคือ ทางกาย ทางวาจา ทางใจ
  • กรรม เชื่อว่าทุกคนต้องกระทำด้วยเจตนาดีและเจตนาร้าย เจตนาดีก็ถือว่าเป็น “กรรมดี” คือการคิดดี พูดดี ทำดี มโนกรรมดี วจีกรรมดี และ กายกรรมดี ส่วนเจตนาร้ายนั้นก็ถือว่าเป็น “กรรมชั่ว” คือการคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี มโนกรรมชั่ว วจีกรรมชั่ว และ กายกรรมชั่ว
อาจารย์แม่สมาทานทิพย์ และศิษย์ผู้สืบทอดการเช็คกรรม

กรรม ทั้งหลายที่ทุกท่านคิดว่า..แค่คิด แค่พูด หรือแค่ทำไปแล้วนั้นจะไม่ส่งผลต่อตัวท่านเอง แสดงว่าท่านทั้งหลายคิดผิดไปเสียแล้ว! กรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก มีทั้งกรรมในอดีตชาติและที่ผ่านเข้ามาในปัจจุบันชาติ กรรมทั้งหลายสามารถนำพาทุกชีวิตให้ตกต่ำหรือสูงขึ้นได้ ในชีวิตประจำวันที่ดำรงอยู่ของมนุษย์มีทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว กรรมเป็นสิ่งที่ทุกท่านกำหนดขึ้นมาเองกันทั้งนั้น ทุกท่านจึงต้องตกเป็นเจ้าของกรรมนั้นๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

กรรม คือสิ่งที่ทุกท่านจะต้องเผชิญ กรรมเป็นภาระที่สำคัญที่สุดที่ทุกคนซึ่งเป็นเจ้าของกรรมนั้นจะต้องฟันฝ่าไปให้ได้ ด้วยสติปัญญา ด้วยจิตสำนึก ด้วยความสามารถในการแก้ไขปัญหานั้นๆ กรรมที่ทุกท่านพูดง่ายฟังง่าย และชอบพูดว่า.. “ก็แล้วแต่เวรแต่กรรมก็เท่านั้น” แต่ เสียงสมาทานทิพย์ คิดว่าไม่ใช่แค่นั้น เพราะกรรมเป็นสิ่งน่ากลัวเอามากๆ

กรรม คือพลังงานชนิดหนึ่งซึ่งซ่อนเร้นอยู่ในจิตและในกายของคนเรา กรรมที่น่ากลัวคือพลังงานด้านลบที่ไม่ดี กรรมที่มีผลกรรมดีและผลกรรมชั่วจัดเป็นพลังงานที่มีคลื่นความถี่ทั้งด้านบวกและด้านลบ ผลกรรมนั้นๆ คือตัวการก่อให้เกิดกรรมขึ้นมาซ้อนกฎของจักรวาลอีกชั้นหนึ่ง โดยไม่ต้องมีใครมาควบคุม ซึ่งจะเป็นไปอย่างอัตโนมัติในตัวของมันเอง กรรมที่มนุษย์ในโลกนี้จะต้องเจอมีอยู่ 2 ประเภทคือ

  1. กรรมเก่า คือกรรมที่เกิดก่อนที่เราจะมาเกิดเป็นมนุษย์ในชาติเสียอีก คือบททดสอบตัวเองที่เรียกว่า พันธสัญญา
  2. กรรมใหม่ คือกรรมที่เกิดขึ้นในขณะที่เราเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ซึ่งเป็นกรรมที่ก่อขึ้นเองครั้งแล้วครั้งเล่าในความเป็นมนุษย์ที่เรียกว่า พันธกรรม
เสียงสมาทานทิพย์ เช็คกรรมโดยญาณสัมผัส

ไม่ว่าจะเป็นกรรมเก่าหรือกรรมใหม่ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาทับซ้อน และไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม ก็ล้วนแล้วแต่เป็นตัวการที่ทำให้เกิดภพชาติของมนุษย์ที่เรียกว่า “วงเวียนกรรม” ทั้งหมดเป็นผลมาจากพลังงานกรรมที่ทุกคนเป็นผู้ก่อและผู้รับ เมื่อก่อขึ้นมาได้ก็รับได้ทันทีในชาตินี้ โดยไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้าหรือชาติต่อๆ ไป มนุษย์ทุกคนจะต้องชดใช้กรรมในพลังงานด้านลบหรือพลังงานกรรมของตนเอง โดยสามารถทำได้ 3 วิธี คือ

  1. เผชิญกับมันและตั้งใจฟันฝ่าไปให้ได้
  2. ทำให้กรรมนั้นเป็นโมฆะให้จงได้
  3. ร้องขอจากจักรวาล

สำหรับเรา.. เสียงสมาทานทิพย์ ได้รับคำชี้แนะจากเบื้องบน ให้บอกกล่าวแก่มนุษย์ทุกท่านเมื่อพวกเขาถึงเวลาหรือมีบุญสัมพันธ์กับเรา เสียงที่บอกกล่าวมาคือ..

สมาทานทิพย์! เจ้าจงเช็คกรรมให้กับผู้ที่มีปัญหาและ พร้อมที่จะสำนึกในบาปกรรมนั้นๆ
เจ้าจงช่วยชี้แนะพวกเขาให้พ้นทุกข์ และให้พวกเขาได้เข้าใจในแนวทางของการปฏิบัติอย่างถูกต้อง”

ถ้าท่านถึงเวลาแล้ว และเคยได้ร่วมบุญกับเรามาในอดีตชาติ เราคือ.. เสียงสมาทานทิพย์ จะเป็นผู้เปิดแสงสว่างให้กับท่าน ถ้าท่านเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรมนั้นว่ามีจริง เราเป็นเพียงผู้สื่อสารและผู้ชี้แนะเท่านั้น ท่านทั้งหลายจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นเรื่องของท่าน ถือว่าเราได้ทำหน้าที่ของเราได้อย่างสมบูรณ์และถูกต้องแล้ว ในโลกแห่งความเป็นจริงที่สัตว์โลกอย่างพวกเราต้องมีกรรมกันอยู่แล้วทุกคน จะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วเท่านั้น เมื่อเราชี้แนะแล้วท่านยังกระทำอีกท่านก็ได้รับเอง เราไม่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างกรรมกับพวกท่าน เราเป็นเพียงอีกผู้หนึ่งเท่านั้นที่เข้าใจในเรื่องของการดำรงชีวิตของสัตว์โลกทั้ง 6 ภูมิ ถึงต้องมาชี้แนะบอกกล่าวเป็นกระแสเสียงจากจิตของเรา คือ.. เสียงสมาทานทิพย์

ติดต่อสอบถาม และ นัดเวลาล่วงหน้า

กลับสู่ด้านบน

หากท่านมีปัญหาที่แก้ไม่ตก อาจเป็นเพราะปัญหาที่เกิดจากแรงกรรม เราคือ เสียงสมาทานทิพย์ เช็คกรรมโดยญาณสัมผัส ยินดีให้คำชี้แนะแก่ทุกๆ ท่าน ให้ได้เข้าใจถึงแนวทางในการดับพลังงานกรรมอย่างถูกต้อง ท่านใดที่มีความประสงค์สามารถสอบถามรายละเอียดและนัดเวลาล่วงหน้าได้ที่..

ติดต่อ : คุณทาริกา จำปาทอง
โทรศัพท์ : 087 727 5642
อีเมล์
เวลาติดต่อ : 10.00 - 15.00 น. (กรุณานัดเวลาล่วงหน้า)

ผู้สืบทอดการเช็คกรรม

ในนามแห่งสมาทานทิพย์ ได้รับกระแสเสียงจากเบื้องบนว่า สมาทาน! เจ้าจงเช็คกรรม ของสรรพสัตว์ทั้งหลายและเทวดาทั้งหลายที่กลับชาติมาเกิดในโลกมนุษย์”

ณ บัดนี้ข้าพเจ้า สมาทานทิพย์ สานุวิตร์ ได้เขียนหนังสือทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ เวรกรรม และ เรื่องเทพเทวา, โพธิสัตว์, มหาโพธิสัตว์, พุทธะ ตามรับสั่งจากกระแสเสียงที่บอกกล่าวมา

สำหรับบทนี้ เป็นเรื่องของ “การเช็คกรรม” ที่หลายๆ บุคคลมีความสงสัยว่า ทำไมถึงต้องเช็คกรรม? ฉันสมาทานทิพย์ ก็อยากจะถามว่าทำไมถึงตรวจเช็คร่างกาย? ก็เป็นคำตอบที่ทราบกันอยู่แล้วว่า ตรวจเพื่อให้รู้ว่าเราเป็นโรคอะไรบ้างและจะได้หาวิธีป้องกันโรคนั้นๆ จึงไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ นี่ก็เป็นคำตอบที่ฉันได้รับฟังมาว่าพวกเขารักตัวเอง ไม่อยากให้ตัวเองเป็นอะไร ถึงต้องไปตรวจเช็คร่างกาย บ้างก็เป็นโรคที่รู้สาเหตุ บ้างก็เป็นโรคที่ไม่รู้สาเหตุ บ้างก็ทำการรักษาหาย บ้างก็รักษาไม่หาย นี่คือเหตุและผลของอะไรล่ะ? ไม่ใช่เรื่องกรรมหรอกรึ? เดี๋ยวก็เป็นเดี๋ยวก็หายเป็นๆ หายๆ อยู่นั่นแหล่ะ ส่วนฉันสมาทานทิพย์ เข้าใจในเรื่องของกรรม เพราะกรรมเป็นเครื่องกีดขวางในความเป็นอยู่ของเรา ทั้งๆ ที่เรามีความสามารถที่จะทำอะไรก็ได้มากมาย จากการเล่าเรียนทางปัญญาภายนอกของเราและทำอะไรก็รอบคอบไปเสียหมด แต่ก็ยังพบกับความล้มเหลวในชีวิต ยากที่จะบอกกับใครได้กับปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เหตุและผลตรงนั้นมันเกิดเพราะอะไรกันแน่!

เราสมาทานทิพย์ เคยพบเจอในหลายๆ บุคคลที่มีปัญหาหลายๆ ด้าน ที่เกิดขึ้นกับพวกเขา เมื่อพวกเขาเหล่านั้นได้เข้าใจในเรื่องของกรรมว่ามีทางออกได้เสมอ พวกเขาก็สามารถช่วยตัวเองได้พร้อมได้รับการชี้แนะจาก เสียงสมาทานทิพย์ โดยการเช็คกรรมก่อนเป็นอันดับแรก

การเช็คกรรม เป็นการใช้ญาณสัมผัสจากผู้ที่ปฏิบัติมาแล้วโดยได้รับคำชี้แนะจากเราคือ สมาทานทิพย์ สานุวิตร์ ทั้งกายหยาบและทางจิตของเขา ผู้นั้นต้องมีความอดทน วิริยะพากเพียรในการฝึกจิต จนมีความสามารถสื่อสารกับครูผู้สอน แนวทางของการปฏิบัติซึ่งผ่านการทดสอบที่ มากมายจึงได้รับหน้าที่มาเช็คกรรมให้ผู้อื่นได้ เหตุและผลของการเช็คกรรม ส่วนมากจะเป็นกรรมที่ท่านได้สร้างไว้ในอดีตเสียมากกว่า เพราะเป็นเรื่องละเอียด ถ้าปัจจุบันเราสร้างกรรมเอาไว้แล้วไม่สำนึกก็จะไม่รู้จักทางออก ก็จะมีเจ้ากรรมนายเวรเพิ่มขึ้นมาในปัจจุบันชาติอีกเป็นกรรมที่ซ้อนภพซ้อนชาติ และยังมีอีกเป็นกรรมที่บรรพบุรุษสร้างไว้จึงต้องตกมาถึงลูกหลาน แล้วแต่ว่ากรรมนั้นจะเป็นกรรมดีหรือว่ากรรมชั่วเท่านั้น

เหตุที่สร้างหรือทำกรรมเอาไว้ย่อมได้รับผลอย่างแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็วตามกาลเวลาเท่านั้น ผลที่ได้รับจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว ผลนั้นต้องตกถึงตนเองอย่างแน่นอนและพ่วงไปถึงบุคคลอื่นที่เป็นสายเลือดด้วย จะเป็นผลพ่วงน้อยหรือมากก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนั้นๆ ด้วยว่าปัจจุบันเขาสร้างกรรมดีไว้มากแค่ไหน

ผลของกรรมชั่ว (ไม่ดี) เป็นเพราะท่านกระทำในสิ่งที่ไม่ดีมาหลายภพชาติ ชีวิตถึงต้องมาเป็นเช่นนี้ในปัจจุบัน ถ้าปัจจุบันท่านทำดีแล้วผลของความดียังมาไม่ถึงท่าน ไม่ต้องกลัวว่าความดีที่ท่านทำจะหายไปไหน ผลย่อมเป็นผลอย่างแน่นอน ผลนั้นอาจจะช้า แม้ว่าท่านจะไม่ทันเก็บเกี่ยวผลนั้น แต่ท่านยังมีทายาทในสายเลือดที่ได้รับผลนั้น ส่วนมากท่านทั้งหลายคิดว่าท่านทำดีแล้วก็เลยประมาทในความดีนั้น ไม่ทำดีอย่างต่อเนื่อง พอมีทุกข์แล้วถึงจะทำความดีท่านจึงไม่ได้รับผลอย่างทันตา เพราะเส้นทางของกรรมไม่ดียาวกว่ากรรมดีจึงไม่เป็นผลดังใจคิด ท่านทั้งหลายก็เกิดความท้อถอยคิดว่าไม่เห็นมีผลเกิดขึ้นเลย เป็นการขาดการ พิจารณาในความถูก-ความผิด และความถูกต้องอย่างแท้จริง อาจเป็นเพราะท่านขาดสติไปชั่วขณะหนึ่ง จึงมีผลทำให้ท่านคิดเช่นนั้น ความจริงท่านทำอะไรทิ้งไว้ข้างหลังโดยไม่เก็บกวาดในสิ่งๆ นั้นก็ย่อมแสดงผลออกมาอยู่เรื่อยๆ ในสิ่งที่ท่านทำไว้ มันไม่ได้ลบล้างไปไหนหรอกนะ ถ้าท่านไม่ยอมไปลบล้างเก็บกวาดด้วยตัวเองในสิ่งที่ท่านกระทำขึ้นมาก็ถือเป็นเหตุและผลที่ท่านต้องได้รับอยู่แล้ว

ทำไมถึงต้องเช็คกรรม? ก็เพราะ กรรมหรือสิ่งที่ท่านกระทำไว้นั้นในเรื่องของการ สร้างบาป สร้างกรรม ในภพชาติของชาติอดีตและปัจจุบันชาติ ท่านไม่ได้คิดถึงเลยว่าสิ่งที่ท่านกระทำนั้นจะทำให้เกิดทุกข์ขึ้นภายหลังและทำให้ผู้อื่นเกิดทุกข์ตามไปด้วย เป็นสิ่งที่แก้ไขได้ยากสำหรับผู้ที่มีความคิดที่ไม่เข้าใจในเรื่องของกรรม (คือ การกระทำของตัวเอง) ซึ่งเป็นกฎแห่งกรรม

ฉะนั้นแล้วจึงต้องเช็คกรรม เพื่อให้เข้าใจในเรื่องของการกระทำในทางที่ไม่ดี ที่ท่านไม่เคยสำนึกเลยว่าทำแล้วจะก่อเกิดปัญหาที่ตามอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งๆ ที่ท่านไม่ได้สร้างหรือกระทำในสิ่งนั้นเลยก็เป็นเหตุทำให้ชีวิตมีปัญหาอยู่ตลอดเวลา หวังว่าท่านคงจะคิดได้ดั่งคำที่ว่า.. “สัตว์โลกทั้งหลาย มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ สัตว์โลกเป็นทายาทแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว กรรมสามารถถ่ายทอดให้แก่ลูกหลานผู้สืบสกุลได้อีก”

อย่าประมาทคิดว่าทำไม่ดีแล้วไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลยกับตัวเอง ให้มองกว้างๆ มองกาลเวลาที่ยาวไกลไปถึงลูกหลาน เป็นไงล่ะ..ชีวิตมีปัญหา เป็นไงล่ะ..เจ็บออดๆ แอดๆ เป็นไงล่ะ..ลูกดื้อรั้น เป็นไงล่ะ..ลูกหลาน เจ็บไข้ได้ป่วยไม่รู้สาเหตุ นี่ก็เพราะกรรมไม่ดีที่ท่านสร้างเอาไว้ แล้วคิดว่าตัวเองไม่เห็นเป็นไรเลยทั้งๆ ที่ได้ทำชั่วเอาไว้

อย่าประมาทในเรื่องนี้ กรรมจะตามมาถึงตัวเองและเผ่าพันธุ์ในสายเลือดแล้วจะทำให้ไม่ทันการณ์ แล้วจะมานั่งเสียใจในภายหลังซึ่งถึงตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะเป็นกรรมที่มีเจ้าหนี้มาทวงคืนทั้งตระกูลเป็นกรรมที่ผูกเวรเอาไว้ เป็นสายที่ยาวไปถึงลูกหลานต่อไป นี่แหล่ะเป็นสิ่งที่มีคู่กรณีในภพชาติของอดีต แล้วในปัจจุบันท่านยังมาสร้างกรรมไม่ดีขึ้นมาอีก จะเอาอะไรเล่า? ชีวิตต้องดำเนินไปตามเส้นทางแห่งกรรมเพราะท่านเป็นผู้สร้างขึ้นมาเอง

เราสมาทานทิพย์ เป็นเพียงผู้สื่อสาร ผู้ชี้แนะเท่านั้น ท่านทั้งหลายจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นเรื่องของท่าน ถือว่าเราได้ทำหน้าที่ของเราได้อย่างสมบูรณ์และถูกต้องแล้ว ในโลกแห่งความเป็นจริงที่สัตว์โลกอย่างพวกเราต้องมีกรรมกันอยู่แล้วทุกคน จะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วเท่านั้น เมื่อเราชี้แนะแล้วท่านยังกระทำอีกท่านก็ได้รับเอง เราไม่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างกรรมกับพวกท่าน เราเป็นเพียงอีกผู้หนึ่งเท่านั้นที่เข้าใจในเรื่องของการดำรงชีวิตของสัตว์โลกทั้ง 6 ภูมิ ถึงต้องมาชี้แนะบอกกล่าวเป็นกระแสเสียงจากจิตของเรา คือ เสียงสมาทานทิพย์ และสามารถชี้แนะให้ท่านทั้งหลายได้เข้าใจในแนวทางของการปฏิบัติ ให้ได้เข้าไปถึงสภาวะจิตใต้สำนึกและค้นหาจิตในจิต คือ “จิตเดิมแท้” ที่จะทำให้ท่านทั้งหลายเกรงกลัวต่อบาปกรรมด้วยจิตสำนึกรู้ได้อย่างรวดเร็ว และจะทำให้การดำรงชีพของตนเองดีขึ้นและดีตลอดไป โดยไม่ประมาทขาดสติด้วยความพลั้งเผลอที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงเป็นเหตุที่มาในเรื่องของการเช็คกรรมให้กับมนุษย์ทั้งหลาย ที่เรียกตัวเองว่าสัตว์ที่ประเสริฐแต่ก็ยังกระทำในสิ่งที่ผิดๆ อยู่ตลอดเวลา ทำให้ชีวิตมีปัญหาแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ด้วยแรงกรรมที่ซ้ำเติมทับถมเข้ามาเรื่อยๆ จนทำให้ชีวิตต้องล้มเหลวอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะความประมาทและความหลงนี่แหล่ะทำให้ท่านเป็นทุกข์ ซึ่งมีกองกิเลสที่มากมายยากที่จะแยกแยะได้ถ้าขาดการพิจารณาอย่างละเอียด

ฉะนั้นเสียงสมาทานทิพย์จึงมีการเช็คกรรมขึ้นมา เพื่อให้ท่านทั้งหลายหันหน้ากลับมาสร้างความดีให้ มั่นคง คือ ดีจากจิตใต้สำนึกจริงๆ บางบุคคลอาจได้ทราบว่าจิตใต้สำนึกเป็นอย่างไร? ดีหรือชั่วในจิตเป็นอย่างไร? หน้าที่ของมนุษย์จะต้องค้นหาจิตตัวเองให้เจอ จิตสำนึก จิตใต้สำนึก และ จิตเหนือสำนึก

สำหรับเรื่องของ “จิต” เราจะพูดในหัวข้อเรื่อง “พลังจิตจักรวาล”
ตอนนี้เราจะพูดถึงการเช็คกรรม
ส่วนเรื่องของ “กรรม” นั้นจะอยู่ในเรื่องของ “กรรมดี-กรรมชั่ว” ซึ่งอยู่บทอื่น

ที่มาของ.. เสียงสมาทานทิพย์ เช็คกรรมโดยญาณสัมผัส

มีสิ่งที่เหนือว่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย และเหนือกว่าเทวดาทั้งหลาย มีรับสั่งผ่านข้าพเจ้าว่า “เจ้าจงเช็คกรรมของสรรพสัตว์ทั้งหลาย และเทวดาทั้งหลายที่กลับชาติมาเกิดในโลกมนุษย์ เมื่อพวกเขาถึงพร้อมด้วยการปฏิบัติ และเจ้าต้องโปรดทั้ง 3 โลก คือ..”

  1. เทวโลก (จิตวิญญาณของเทวดา) ที่มีกายทิพย์
  2. มนุษย์โลก (มวลมนุษย์ทั้งหลาย) ที่มีกายหยาบ
  3. นรกโลก (โลกแห่งวิญญาณ) ที่พบบนโลกมนุษย์

เจ้าจะรับไหวไหม? ข้าพเจ้าตอบรับทันทีว่า “ด้วยกรรมแห่งข้าพเจ้าก็มีมากพออยู่แล้ว ข้าพเจ้าจะไม่กลัวในเรื่องของการโปรดพวกเขาเหล่านั้น ข้าพเจ้าขอน้อมรับด้วยเศียรเกล้า ขอให้ท่านจงชี้แนะด้วยเถอะ”

ต่อจากนั้นข้าพเจ้าก็ได้รับกระแสเสียงผ่านเข้ามา ซึ่งเป็นกระแสเสียงที่ส่งมาจากเบื้องบน ซึ่งเป็นหลักธรรมล้วนๆ โดยให้เริ่มเช็คกรรมของตัวเองก่อน.. จึงได้ตนเองนั้นมีกรรมเยอะแยะมากมายเหลือเกิน จนข้าพเจ้าต้องหลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจ หลายภพหลายชาติของข้าพเจ้านั้น มีทั้งดีและไม่ดี เพราะเรากระทำด้วยตัวเองทั้งนั้น ..แม้ปัจจุบันชาติก็ยังทำอีก

ข้าพเจ้าเริ่มออกไปชดใช้กรรมตามที่ข้าพเจ้ารับทราบว่า จะต้องไปชดใช้ที่ไหนและกับใครบ้าง ส่วนในโลกแห่งจิตวิญญาณนั้นก็ยอมเจรจาต่อรองกัน ส่วนที่ไม่ยอมเจรจาก็ต้องชดใช้กรรมกันไป และข้าพเจ้าก็ได้ตั้งปณิธานเอาไว้ว่า.. จะขอโปรดมวลมนุษย์และวิญญาณบนโลกมนุษย์ จนกว่ากายหยาบของข้าพเจ้าจะเสื่อมสลายไป

เมื่อถึงวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2546 ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ปีมะแม ตอนนั้นข้าพเจ้ามีอายุ 43 ปี จึงได้รับรู้ว่ากระแสเสียงที่ส่งมานั้น เป็นเสียงของคุรุเทพในทุกๆ ชั้น (บรมครูเบื้องบน) ครั้งหนึ่งท่านรับสั่งเรียกข้าพเจ้าเมื่อตอนอายุ 18 ปี ว่า สมาทาน! เหนือเกล้าเหนือหัวของเจ้ามีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่นะ” ตอนนั้นข้าพเจ้าไม่ได้คิดอะไร คิดว่าหูคงแว่วไปเอง มาบัดนี้ท่านเรียกข้าพเจ้าว่า “สมาทานทิพย์” และให้เจ้าเริ่มเขียนเรื่องราวของพุทธะ, โพธิสัตว์, เทพเทวาได้แล้ว เราจะมาชี้แนะให้เจ้าเอง จากนั้นข้าพเจ้าก็ได้เปลี่ยนชื่อจาก “รังรอง” มาเป็น “สมาทานทิพย์”

และได้เริ่มเขียนหนังสือ และให้คำชี้แนะบอกกล่าวกับบุคคลที่ติดค้างกรรมในอดีตชาติที่มีปัญหาที่แก้ไม่ตก รวมไปถึงการโปรดวิญญาณตามที่เบื้องบนรับสั่ง.. มาจนถึงทุกวันนี้

โรคกรรมกับโรคมาร

หากผู้ใดเกิดเจ็บป่วยโดยไม่รู้สาเหตุ กินยาแล้วก็ไม่ได้ผลนั้นแสดงว่าเกิดจาก “โรคกรรม” หรือ “โรคมาร” นั่นเอง มารจะเข้าสิงในร่างกาย มารโรคนี้คือเจ้ากรรมนายเวร คือเจ้าหนี้จะมาทวงหนี้จากท่าน เราควรสารภาพความผิดหรือบาปกรรมด้วยความจริงใจต่อหน้า พระพุทธรูป เทวรูป ด้วยความจริง “ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติทั้งหมด ต่อไปข้าพเจ้า (ระบุชื่อตัวเอง) จะไม่ขอกระทำผิดอีก” และได้บำเพ็ญบุญกุศล ทำความดีอยู่เสมอ ความเจ็บป่วยของท่านเมื่อกินยาแล้วก็จะได้ผลเนื่องจาก มารโรคกลัวการสารภาพความผิดจากมนุษย์เป็นที่สุด

แต่ก็ต้องมีการเช็คกรรมเพื่อติดต่อกับเจ้ากรรมนายเวรนั้นๆ ว่าอยู่ภพไหน เหล่าไหน ต้องการอะไรจากเราเพิ่มเติม นอกจากการสารภาพความผิดนี้ เมื่อได้สารภาพความผิดนี้แล้ว และมีการต่อรองผ่านผู้ที่มีญาณกับเจ้ากรรมนายเวรแล้ว จงอย่าได้สร้างบาปกรรมใหม่เพิ่มขึ้นอีกเด็ดขาด มิเช่นนั้นบาปกรรมจะไม่มีวันสลายได้หมดสิ้น

“พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ปฏิบัติบูชายะ นะโมพุทธายะ บาปกรรมทั้งปวงที่ข้าพเจ้า (ระบุชื่อของตัวเอง) ได้สร้างไว้ในอดีตชาติอันนับภพนับชาติไม่ถ้วนล้วนเกิดจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ด้วย กาย วาจา ใจ ทั้งหลายทั้งปวง ที่เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี บัดนี้ข้าพเจ้ารู้สำนึกผิดจากใจจริงแล้ว ด้วยเดชอำนาจแห่งการสำนึกผิดสารภาพบาปกรรมนี้ ขอจงดลบันดาลให้บาปเวรทั้งปวงจงสลายไปสิ้นโดยพลันด้วยเทอญ”

สำหรับความผิดในปัจจุบัน ให้ตั้งจิตอธิษฐานในใจที่ตนเองได้สร้างไว้ตั้งแต่จำความได้ทั้งหมดในเรื่องของความผิด กล่าวคำข้างต้นนี้ต่อหน้า พระพุทธรูป เทวรูป ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ (ให้นั่งคุกเข่าพนมมือ)

อิทธิพลแพ้อิทธิฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์แพ้บุญฤทธิ์ บุญฤทธิ์แพ้วิบากกรรมฤทธิ์

  • มนุษย์ทุกคนมีกรรมของตนเป็นที่เสวย
  • มนุษย์ทุกคนมีกรรมของตนเป็นที่พัวพัน
  • มนุษย์ทุกคนมีกรรมของตนเป็นเผ่าพันธุ์
  • มนุษย์ทุกคนมีกรรมของตนเป็นสายเลือด

เสียงสมาทานทิพย์ จึงอยากให้ท่านทั้งหลายรักตัวเอง รักผู้อื่น ผู้อื่นไม่ใช่ใครเป็นพี่น้องกันทั้งนั้น เราไม่แบ่งชาติ ศาสนา เราไม่แบ่งแยกว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เราเสมอภาคกันทั้งหมด คือมนุษย์ด้วยกันอาจจะมีหน้าตาที่แตกต่างกันไป แต่เรามี หัวใจ ที่เหมือนกันคือทุกคนอยากที่จะทำดี ทุกคนอยากจะเป็นที่รักของทุกๆ คน ทุกคนไม่อยากมีปัญหาในชีวิต ทุกคนอยากหลุดพ้นด้วยกัน เหมือนเรา สมาทานทิพย์ สานุวิตร์ ก็อยากหลุดพ้นและเข้าใจพวกท่าน คือมนุษย์ด้วยกัน มีเลือดมีเนื้อ มีลมหายใจ มีสมองที่ซับความรู้สึกนึกคิดที่จิต แล้วทำไมล่ะเราจะไม่เข้าใจผู้อื่น? ให้มีความรักและสามัคคีกันไว้เถอะมาอยู่โลกใบเดียวกัน แล้วจงรวมพลังรักในเผ่าพันธุ์ของตนเอง คือ มนุษย์โลก ที่มีพลังชีวิตมาเกิดในดาวดวงนี้ สรรพสิ่งบนโลกนี้ก็เป็นของท่านแล้ว แล้วทำไมจึงสร้างพลังกรรมขึ้นมากีดขวางตัวเองเสียล่ะ?

พลังกรรมนี้มีความรุนแรงมาก ยากจะแยกออกมาเป็นอะตอมได้ พลังกรรมนี้มีคลื่นที่หนาแน่นเอามากๆ เพราะบางท่านสร้างด้วยจิตที่ไร้สำนึก บางท่านสร้างขึ้นด้วยจิตที่มีสำนึก จึงออกมาเป็นตัวพลังของคลื่นความถี่สูงในพิกัดนั้นๆ เป็นเรื่องที่ละเอียดมากในพลังของตัวเราเองที่สร้างและสั่งสมกันมา แม้แต่นักวิทยาศาสตร์หรือนักวิจัยก็ยังไม่สามารถค้นหาสาเหตุในตัวพลังกรรมของคลื่นความถี่ในคลื่นนี้ได้ จึงเป็นเหตุทำให้นักวิทยาศาสตร์การแพทย์หาสาเหตุในเรื่องของโรคบางชนิดไม่ได้ เพราะคลื่นความถี่มีพลังกรรมมากีดขวางเครื่องมือนั้นๆ เราต้องมีคลื่นความถี่พลังแห่งจิตที่มีความบริสุทธิ์ที่มีพิกัดสูงเหนือมวลสสารเท่านั้น ที่จะจับคลื่นความถี่ของพลังกรรมที่หนาแน่นนี้ได้ แต่ก็ยากสำหรับมนุษย์โลกที่จะจับคลื่นความถี่ของพลังกรรมได้อย่างชัดเจนแม่นยำ แต่เราก็สามารถกระทำได้ เราต้องพัฒนาระดับคลื่นความถี่ของจิตบวกกับคลื่นสมอง ด้วยพลังไฟฟ้าชีวภาพในกายหยาบให้เป็นหนึ่งให้ได้

ให้เรียนรู้ในเรื่องของตัวพลังที่มีมากมายแล้ว รวบรวมพลังของจักรวาลเข้าด้วยกันบวกคลื่นแห่งจิตที่เรียนรู้ธรรมมาแล้วในภพชาติที่ผ่านมาในอดีต เร่งสร้างอำนาจอย่างมหาศาล ทำการจุดระเบิดพลังด้วยไฟฟ้าในกายหยาบ เปิดคลื่นสมองส่วนบน ทำแนวดิ่งเข้าสู่ระบบของจักรวาล ซึ่งมีสภาวะเป็น พระเวทย์ พระธรรม ในจิตวิญญาณ ในชั้นของจักรวาลนี้มีกฎแห่งกรรมคอยกำกับ ให้เรียนรู้เข้าใจในกฎแห่งกรรมในจิตวิญญาณ ด้วยจิตที่มีหน้าที่ที่เรียนรู้ธรรมมาแล้วเป็นตัวตั้งฐานแห่งจิตเข้าเชื่อมด้วยพลังไฟฟ้าในกาย ทำให้คลื่นสมองซีกซ้าย ซีกขวา ทับซ้อนกัน (ที่เรียกว่าสมมาตร) ไม่โน้มไปทางใดทางหนึ่ง เชื่อมตรงกับคลื่นสมองส่วนบน ทำการเปิดคลื่นสมองกล (คือ อัจฉริยะ) เชื่อมพิกัดด้วยพลังจักรวาลตั้งฐานตรงที่จิตของเรา เข้าทำการเรียนรู้ฝึกฝนจนกลายเป็นจิตจักรวาล แล้วเร่งสร้างอำนาจจิตให้เป็นพลังจิตจักรวาล

ในดาวดวงนี้มีพลังจิตเชื่อมได้แค่พลังจักรวาลเท่านั้น ก็ไม่สามารถเอามาสร้างหรือทำอะไรมากมายในดาวดวงนี้ เพราะพิกัดของดาวดวงนี้เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในระบบมวลสาร มวลสสาร จึงต้องสร้างพลังจิตจักรวาลเท่านั้นถึงจะมีความแม่นยำในพิกัดชั้นสูงที่เหนืออำนาจมวลสาร มวลสสาร คือเป็นพลังที่ไร้รูป พิกัด X.Y K.D.E.L. (เรื่องนี้ให้ศึกษาในตอน พลังจักรวาล จิตจักรวาล พลังจิตจักรวาล และ พลังจิตจักรวาลที่เหลื่อมซ้อน X.Y. K ของ N.D.Y ที่มนุษย์โลกควรเข้าใจและเรียนรู้เพื่อเผ่าพันธุ์ของมนุษย์เอง)

ดาวน์โหลดเอกสาร บทสวดมนตร์ และ บทขอขมากรรม

เมื่อท่านได้ผ่านการเช็คกรรมโดยญาณสัมผัสและได้รับคำชี้แนะจากเสียงสมาทานทิพย์ ให้ได้เข้าใจถึงแนวทางในการดับพลังงานกรรมอย่างถูกต้องแล้ว ท่านสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบคำชี้แนะได้จากรายการดังต่อไปนี้..

บทขอขมากรรม

บทสวดมนตร์

หากท่านต้องการดาวน์โหลดบทสวดมนตร์บทอื่นๆ ท่านสามารถดาวน์โหลดได้ที่ ดาวน์โหลดบทสวดมนตร์

การร่วมทำบุญ / การบริจาค

เสียงสมาทานทิพย์ ฝากเรียนมายังผู้ที่มีจิตศัทธาทุกท่าน ในการร่วมทำบุญเพื่อใช้ในการดำเนินงานและกิจกรรมต่างๆ ของศูนย์พลังจิตจักรวาลตามแต่กำลังศัทธาของท่าน โดยท่านสามารถโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของเสียงสมาทานทิพย์ได้ที่..

ชื่อบัญชี : นางสาวสมาทานทิพย์ สานุวิตร์
เลขที่บัญชี : 843-212 538-5
ประเภทบัญชี : ออมทรัพย์
ธนาคาร : ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
สาขา : มีโชค (เชียงใหม่)

ขอบุญกุศลในการบำเพ็ญทานบารมีครั้งนี้ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ พุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ พระอวโลกิเตศวร พันเนตร พันกร เทพเจ้าเบื้องบนและเทพเจ้าเบื้องล่างทั้งหมดช่วยนำพาให้ท่านทั้งหลาย ขจัดปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัย ให้เวรกรรมและสรรพเคราะห์ทั้งปวงจงหมดสิ้นไป ขอความสุขสมปรารถนาทุกประการ จงบันดาลให้ท่านเจริญธรรมด้วยเทอญฯ